คำพิพากษาฎีกาที่1687/2548 | |
บริษัท เกรียงสินวัฒนา จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง ภาษีอากร | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/1(4) , 91/2(6) พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 มาตรา 3 (5) พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ.2541 มาตรา 4 (5) | |
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2534 โจทก์กับนางพ. ทำสัญญาต่างตอบแทนเพื่อลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ในที่ดินของนางพ.โดยนางพ.ได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่โจทก์จำนวน 38 ส่วนใน 75 ส่วนก่อนทำการก่อสร้าง ต่อมาโจทก์กับนางพ.ตกลงยกเลิกสัญญาการร่วมลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิชย์ดังกล่าว โจทก์จึงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินคืนให้แก่นางพ.โดยไม่มีค่าตอบแทน การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวถือเป็นการขายตามมาตรา 91/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร และที่ดินที่โจทก์ขายให้นางพ.เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่โจทก์มีไว้โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะประกอบกิจการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ จึงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายมีไว้ในการประกอบกิจการซึ่งถือเป็นการขายทางการค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 มาตรา 3 (5) โจทก์จึงต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่342) พ.ศ.2541 มาตรา 4 (5) มาปรับใช้กับคดีนั้น เห็นว่า มูลคดีนี้เกิดในปี 2535 ซึ่งพระราชกฤษฎีกา(ฉบับที่ 342) ยังไม่มีผลใช้บังคับจึงไม่อาจนำมาใช้ในคดีนี้ได้ สำหรับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อสองที่อุทธรณ์ว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่อาจคิดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจากโจทก์นั้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่าการประเมินของ เจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว จำเลยจึงคิดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามฟ้องจากโจทก์ได้ อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น |