คำพิพากษาฎีกาที่ 2179/2548 | |
บริษัทเพซเซตเตอร์เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อทรัพย์สิน | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 มาตรา 65 ตรี (5) พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 375) พ.ศ. 2543 มาตรา 2 มาตรา 3 โจทก์กู้ยืมเงินจากบริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มาซื้อที่ดิน แล้วให้บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เช่าที่ดิน โจทก์นำดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายแม้ดอกเบี้ยของเงินกู้มาซื้อที่ดินจะไม่เป็นรายจ่ายที่ได้ที่ดินมาโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นรายจ่ายต่อเนื่องที่เป็นผลให้โจทก์ได้รับเงินกู้จากผู้ให้กู้มาซื้อที่ดิน ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของค่าซื้อที่ดิน จึงเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ไม่ใช่รายจ่ายในการดำเนินธุรกิจเพื่อหากำไร นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ตามมาตรา65 ตรี (5) หลักเกณฑ์การคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิ ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานทางบัญชีนั้นแตกต่างจากหลักเกณฑ์การคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร จึงไม่อาจนำมาปรับใช้ด้วยกันได้ ส่วนความเห็นของนักวิชาการนั้น แม้จะมีเหตุผลตามหลักวิชาการ แต่ก็ไม่อาจนำมาลบล้างถ้อยคำอันชัดเจนในบทบัญญัติมาตรา65 ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากรได้ ปัจจุบันได้มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 375) พ.ศ. 2543 ซึ่งใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่1 มกราคม 2543 เป็นต้นไป ตามมาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อทรัพย์สิน ทั้งนี้เฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่พิพาทคดีนี้ แม้ว่า พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะไม่มีผลถึงโจทก์ เนื่องจากออกบังคับใช้ในภายหลัง อันเป็นผลทำใช้โจทก์ไม่ได้รับผลประโยชน์ ก็ตาม แต่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่สมควรที่จะลดเบี้ยปรับลงได้ ทั้งคดีนี้เป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับการตีความในข้อกฎหมายที่ หลักเกณฑ์ตามประมวลรัษฎากรในขณะนั้นไม่สอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการและหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานทางบัญชี กรณีไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี มีเหตุสมควรที่จะลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ลงอีก เห็นควร ลดเบี้ยปรับที่โจทก์ต้องเสียลงเหลือเพียงร้อยละ30 |