เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่3692/2547 
นายพรศักดิ์ ศักดิ์พันธ์พนม โจทก์

กรมสรรพากร

จำเลย
เรื่อง การซื้ออสังหาริมทรัพย์มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 48 (4) มาตรา 56 ทวิ มาตรา 77 มาตรา 78

โจทก์เป็นพนักงานของธนาคารได้รับการแต่งตั้งให้ไปทำหน้าที่ผู้จัดการเขต ประจำอยู่ที่สำนักงานจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่เดือนเมษายน 2532 ธนาคารผู้เป็นนายจ้างไม่มีบ้านพักให้ โจทก์ต้องเช่าบ้านพักจากบุคคลอื่น โจทก์ได้เช่าบ้าน มาถึงปลายปี 2532 จึงได้ซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์ที่มีลักษณะเป็นตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง หลังจากที่โจทก์ซื้อแล้วโจทก์ไม่เคยย้ายเข้าไปอาศัยอยู่เลย โจทก์อ้างว่าสภาพบ้านยังไม่เอื้ออำนวยในการเข้าอยู่อาศัย บ้านมีรอยร้าว โจทก์จึงไม่อยากอยู่อาศัย ในบ้านดังกล่าว โดยโจทก์ มิได้นำสืบแสดงให้เห็นเป็นที่ชัดเจนดังที่โจทก์อ้าง คงเป็นเพียงข้ออ้างลอยๆ ของโจทก์เท่านั้น ข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักให้น่าเชื่อถือ ประกอบกับโจทก์เป็นพนักงานของธนาคารตำแหน่ง ผู้จัดการเขต ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละเขตมีอำนาจหน้าที่ดูแลหลายสาขาไม่ได้อยู่ประจำถาวร จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์ในสถานที่ที่โจทก์ต้องย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงได้ความว่าก่อนที่โจทก์ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดภูเก็ต โจทก์มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคารปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดขอนแก่น โจทก์ได้ซื้อที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างแล้วได้ขายไปในระหว่างที่ปฏิบัติ หน้าที่อยู่ที่จังหวัดดังกล่าวเช่นกัน จากข้อเท็จจริงและเหตุผลต่างๆ ดังที่ได้วินิจฉัยมา ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์พิพาทมาเพื่อจะขายต่อเอากำไร หาใช่ต้องการซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองไม่ พฤติการณ์ของโจทก์จึงเป็นการได้อสังหาริมทรัพย์มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร โจทก์จึงไม่มีสิทธิเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำเงินได้ที่ได้รับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีตอน สิ้นปีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 48 (4) และต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีด้วย ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 56 ทวิ และเมื่อโจทก์ซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์พิพาทมาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร ประกอบกับการที่โจทก์ถือครองที่ดินเป็นระยะเวลา 4 เดือนเศษแล้วขายไป ถือได้ว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไร โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์ต้องเสียภาษี การค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77 และ 78 ประกอบด้วยบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 11 ท้ายหมวด 4 แห่งประมวลรัษฎากรที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น โจทก์จึงต้องมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าด้วย

อนึ่ง ปัญหาว่ากรณีใดเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรและขายไปเป็นทางการค้าหรือหากำไรหรือไม่ เป็นปัญหาที่ยากต่อประชาชนทั่วไปจะทำความเข้าใจและมักจะสับสนหรือเข้าใจผิดว่าเมื่อได้เสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่สำนักงานที่ดินในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมแล้ว ก็ไม่ต้องไปเสียภาษีตอนสิ้นปีหรือภาษีอื่นใดอีก ประกอบกับโจทก์มิใช่ผู้มีอาชีพหรือประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์เป็นปกติธุระ การที่โจทก์มิได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าโดยถูกต้องตามกฎหมาย จึงมิได้เกิดจากโจทก์มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการเสียภาษีแต่อย่างใด พฤติการณ์ของโจทก์ ดังกล่าวจึงมีเหตุผลอันสมควรที่ศาลจะงดเบี้ยปรับที่ได้เรียกเก็บจากโจทก์ทั้งหมด .

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 12-02-2021