คำพิพากษาฎีกาที่2565/2549 | |
นางบุญเริ่ม ศรีภาค์ | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางการค้าหรือหากำไร | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/1(4) , 91/2(6) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 พระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 มาตรา 3(6) | |
แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับผู้ซื้อ ซึ่งทำขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม 2538 จะระบุว่าซื้อขายกันในราคา 4,000,000 บาท แต่ตามบันทึกเพิ่มเติมซึ่งทำขึ้นภายหลังเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2538 ได้ตกลงราคากันใหม่เป็นไร่ละ 75,000 บาท ตามเนื้อที่จริง ซึ่งคำนวณแล้วเป็นเงิน 4,107,937.50 บาท เมื่อราคาที่ซื้อขายเป็นราคานี้ คำเบิกความของโจทก์ที่ว่าเงินค่างวดที่เหลืออีก 3,500,000 บาท โจทก์ให้ผู้ซื้อนำไปชำระหนี้จำนองแทนโจทก์จึงไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้บันทึกเพิ่มเติมที่ทำขึ้นภายหลังสัญญาจะซื้อขายที่ดินเป็นเวลาถึง 2 เดือนนั้น ก็มิได้ระบุว่าเงินค่างวดที่เหลืออีก 3,500,000 บาท ซึ่งผู้ซื้อจะต้องผ่อนชำระตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2538 ถึงเดือนมกราคม 2539 ให้ผู้ซื้อนำไปชำระหนี้จำนองแทนโจทก์ หากมีข้อตกลงดังกล่าวจริง ก็ควรจะมีการระบุไว้ในบันทึกซึ่งทำเพิ่มเติมภายหลัง เพราะเป็นข้อตกลงในส่วนสำคัญ ทั้งการที่ผู้ซื้อชำระหนี้จำนองให้ธนาคารผู้รับจำนองก็มิได้เริ่มชำระตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2538 ตามงวดในสัญญาจะซื้อขายที่ดิน แต่เริ่มชำระตั้งแต่เดือนมกราคม 2539 ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของการชำระเงินค่างวดตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าว กรณีจึงน่าเชื่อว่าผู้ซื้อได้ผ่อนชำระเงินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้โจทก์ 4,107,937.50 บาทแล้ว จึงเริ่มผ่อนชำระหนี้จำนองให้ธนาคารแทนโจทก์อีก 3,463,445.02 บาท ดังนั้น โจทก์จึงมีรายรับจากการขายที่ดินอีก 3,463,445.02 บาทตามการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ซึ่งรายรับทั้งสองจำนวนถือเป็นการขายตามประมวลรัษฎากร เพราะคำว่า ขาย นั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/1(4) ให้หมายความรวมถึงสัญญาจะขายด้วย
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มิได้ขายที่ดินเป็นทางค้าหรือหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะนั้น แม้จะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลภาษีอากรกลาง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรจึงรับวินิจฉัยให้
ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2(6) บัญญัติให้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตาม หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 มาตรา 3(6) อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์มีรายรับได้บัญญัติให้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เข้าลักษณะตาม (1) (2) (3) (4) หรือ (5) ของมาตรา 3 ที่ได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์นั้นถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นในเรื่องการเวนคืน เรื่องมรดก และเรื่องใช้เป็นที่อยู่อาศัย โจทก์ซื้อที่ดินทั้งสามแปลงตามฟ้องเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2538 แล้วขายไปในวันที่ 28 เดือนเดียวกัน เพื่อให้ผู้ซื้อนำไปแบ่งขายเป็นแปลงย่อย เข้าลักษณะเป็นทางค้าหรือหากำไร อีกทั้งเป็นการขายอสังหา ริมทรัพย์ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มา โดยไม่เข้าข้อยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ | |
ศาลภาษีอากรกลาง/ย่อ |