คำพิพากษาฎีกาที่ 3275/2548 | |
บริษัทโรงเลื่อยจักรลำพูน จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่ม | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 82/5 (2) , 86/4 , 89 (4) , 89 (5) | |
ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2539 โจทก์นำส่งใบส่งของซึ่งมิใช่ใบกำกับภาษีซื้อ มาหักจากภาษีขาย และสำหรับเดือนภาษีกันยายน 2539 โจทก์นำใบกำกับภาษีซื้อที่มิได้ระบุชื่อที่อยู่ของผู้ซื้อมาหักจาก ภาษีขาย สำหรับเดือนภาษีธันวาคม 2539 และพฤษภาคม 2540 โจทก์นำสำเนาใบกำกับภาษีซื้อมาหักจากภาษีขาย และสำหรับเดือนภาษีกุมภาพันธ์ 2543 โจทก์มีสินค้าขาดจากรายการสินค้าและวัตถุดิบ และมิได้จัดทำใบกำกับภาษีและส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้า เจ้าพนักงานประเมินมีหนังสือแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการประเมินของเจ้าพนักงานถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย แต่มีเหตุอันควรผ่อนผัน ให้ลดเบี้ยปรับคงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย ประเด็นของดหรือลดเบี้ยปรับนั้น ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าตามพฤติการณ์ถือว่าโจทก์กระทำผิดโดย รู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่เข้าใจในประมวลรัษฎากร โจทก์ไม่มีเหตุหลีกเลี่ยงภาษี และให้ความร่วมมือในการตรวจสอบของ เจ้าพนักงานตรวจสอบด้วยดี ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดเบี้ยปรับให้ แต่เรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายนั้น เห็นสมควรลดเบี้ยปรับให้อีก โดยคงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับเดือนภาษีกันยายน 2539 โจทก์นำใบกำกับภาษีซื้อที่ไม่มีรายชื่อของผู้ซื้อสินค้า (โจทก์) มาหักจากภาษีขาย ส่วนเดือนภาษีพฤษภาคม 2540 โจทก์นำสำเนาใบกำกับภาษีซื้อมาหักจากภาษีขาย แม้โจทก์ จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบของเจ้าพนักงานด้วยดี แต่พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าเป็นการรู้เท่า ไม่ถึงการณ์และไม่เข้าใจในประมวลรัษฎากร เนื่องจากรายการชื่อ ที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าถือได้ว่าเป็นข้อความในส่วนที่เป็นสาระสำคัญในใบกำกับภาษีที่จะขาดไม่ได้ เมื่อโจทก์จะนำใบกำกับภาษีซื้อมาใช้โจทก์จะต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน นอกจากนี้ การที่โจทก์นำสำเนาใบกำกับภาษีซื้อมาหักจากภาษีขายนั้น โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์ได้ติดต่อผู้ขายสินค้าซึ่งออก ใบกำกับภาษีและได้นำส่งใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินเพื่อนำส่งให้แก่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่โจทก์กลับนำสืบว่าใบกำกับภาษีซื้อที่พิพาทผู้ออก ใบกำกับภาษีดังกล่าวแจ้งว่าจะส่งต้นฉบับมาให้ภายหลังแต่ไม่ได้ส่งมา แสดงให้เห็นว่าเป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะลดเบี้ยปรับให้มากกว่าที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดให้ ดังนั้น ในส่วนของเบี้ยปรับในเดือนภาษีกันยายน 2539 และเดือนภาษีพฤษภาคม 2540 คงปรับเพียงร้อยละ 50 ของ เบี้ยปรับตามกฎหมาย | |
ศาลภาษีอากรกลาง/ย่อ |