เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่5938/2549 
นางทยอย หรือฐิติกาญจน์ รัตนกิจโจทก์

กรมสรรพากร

จำเลย
เรื่อง ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 24

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและอายัดทรัพย์สิน โดยเห็นว่า โจทก์ไม่ต้องร่วมรับผิดชำระภาษีอากรตามมาตรา 57 ตรีแห่งประมวลรัษฎากร เพราะโจทก์ไม่เคยมีเงินได้และจำเลยไม่เคยแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ให้ร่วมรับผิดชำระค่าภาษีอากรค้าง ทรัพย์สินที่ยึดและอายัดเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ ทั้งการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยึดอายัดทรัพย์สินของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่า การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการเรียกร้องประโยชน์ในทางทรัพย์สิน เป็นคดีมีทุนทรัพย์จึงมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายใน 7 วัน มิฉะนั้น ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โจทก์ไม่ชำระค่าขึ้นศาลแต่ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา คำสั่งศาลภาษีอากรกลางที่ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรแ ละวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 ประกอบมาตรา 226 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์เบิกความว่า ทรัพย์สินอื่นของโจทก์นอกจากที่ถูกจำเลยยึดและอายัดแล้ว ได้ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินยึดและอายัดไว้ทั้งหมด เพื่อดำเนินการขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ปัจจุบันโจทก์ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรมีรายได้เดือนละ 10,000 บาทเศษ ซึ่งเพียงพอใช้จ่ายสำหรับโจทก์เพียงคนเดียว ส่วนบุตร 2 คนของโจทก์ที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศน้องสาวโจทก์เป็นผู้ส่งเสีย อันแสดงให้เห็นถึงความยากไร้ของโจทก์ ประกอบกับค่าธรรมเนียมศาลมีจำนวนสูงมาก แม้ทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดดังกล่าวจะยังเป็นของโจทก์ แต่ก็ไม่สามารถขายหรือนำเป็นหลักประกันเพื่อหาเงินมาเป็นค่าธรรมเนียมศาลได้ จึงฟังได้ว่า โจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 12-02-2021