เมนูปิด

คำพิพากษาฎีกาที่8032/2549 
นาง ผ่องศรี แสงสุคนธ์โจทก์

กรมสรรพากร

จำเลย
เรื่อง ภาษีอากร
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2)

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17

บริษัท ข. จำกัด จดทะเบียนเลิกบริษัทและอยู่ในระหว่างการชำระบัญชี โดยผู้ชำระบัญชี ขายทรัพย์สินและรวบรวมรายได้หลังจากหักรายจ่ายแล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ เมื่อหักผลขาดทุนสะสมยกมาจากปีก่อนแล้วบริษัทมีกำไรสะสมสิ้นปี การที่บริษัทจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ไม่ถือว่าเป็นเงินปันผล เพราะมิได้จ่ายตามหลักเกณฑ์ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1200 ถึง 1205 กำหนดไว้ และไม่ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถือเป็นผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทเลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าทุนตามมาตรา 40(4) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร

การอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2) กำหนดให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนดเวลา 30 วัน กำหนดเวลาดังกล่าวเป็นกำหนดเวลาให้ฟ้องคดีต่อศาล ถ้ามิได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง มิใช่อายุความในการเรียกร้อง สิทธิใดๆ และแม้จะเป็นกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร ก็ถือได้ว่าเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วย วิธีพิจารณาความแพ่งอันกำหนดไว้โดยประมวลรัษฎากร ศาลภาษีอากรกลางจึงมีอำนาจขยายหรือย่นระยะเวลาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.81/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์การงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 22 มาตรา 26 มาตรา 67 ตรี มาตรา 89 และมาตรา 91/21(6) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2542 เป็นเพียงระเบียบที่กำหนดให้เจ้าพนักงานประเมินถือปฏิบัติไม่มีผลผูกพันศาลให้ต้องถือตามระเบียบดังกล่าว ศาลมีอำนาจพิจารณาว่าการที่เจ้าพนักงาน ประเมินงดหรือลดเบี้ยปรับมานั้นถูกต้องตามระเบียบดังกล่าวหรือไม่ และมีอำนาจที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับได้เอง ในกรณีที่มีเหตุสมควรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอีกด้วย แต่กรณีมีเหตุสมควรงดหรือลดเบี้ยปรับหรือไม่นั้น เป็นข้อเท็จจริงซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้าง ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานให้เห็นว่า กรณีของโจทก์มีเหตุสมควรงดหรือลดเบี้ยปรับเพราะเหตุใด และกรณีของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการเข้าใจข้อกฎหมายคลาดเคลื่อน ดังนี้ การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ลดเบี้ยปรับลงคงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายนั้นชอบแล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์มากกว่าที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัย.

 

 

ปรับปรุงล่าสุด: 12-02-2021