คำพิพากษาฎีกาที่4102/2550 | |
นาง ลำยอง เอ้สมนึก | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง ภาษีธุรกิจเฉพาะ | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2(6) พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 มาตรา 3 (6) | |
โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 68215 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2534 ต่อมาโจทก์ทำสัญญาให้ที่ดินดังกล่าวแก่บุตรชอบด้วยกฎหมายโดยเสน่หา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2538 เจ้าพนักงานประเมินแจ้งประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะให้โจทก์ต้องเสียภาษีเงินเพิ่มและภาษีส่วนท้องถิ่นรวม 91,476.- บาท โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยยกอุทธรณ์โจทก์ ศาลฎีกาพิพากษาว่า การที่โจทก์ยกที่ดินให้บุตรชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทน ถือ เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรือไม่นั้น เห็นว่า มาตรา 91/2(6) แห่งประมวลรัษฎากร การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง โดยเหตุที่พระราชบัญญัติมีศักดิ์ในกฎหมายสูงกว่าพระราชกฤษฎีกา จึงนำมาตรา 3 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นมาเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดว่า หากกรณีเข้าเงื่อนไขที่บัญญัติไว้จะต้องถือว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรเสมอไปมิได้ แต่ต้องดูตามข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องเป็นกรณีไป ทั้งตามมาตรา 3 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 ก็มีข้อยกเว้นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้อสังหาริมทรัพย์นั้นมาหลายกรณี แสดงว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มา อาจมิใช่การขายในทางค้าหรือหากำไรเสมอไป การที่โจทก์ยกที่ดินให้บุตรชอบด้วยกฎหมายแม้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้ที่ดินนั้น โดยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ที่ได้รับโอนที่ดินจากโจทก์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และเป็นการโอนให้โดยเสน่หา การโอนขายที่ดินดังกล่าวแม้จะถือเป็นการขายแต่ก็ฟังไม่ได้ ว่าเป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์ไม่จำต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น. | |