คำพิพากษาฎีกาที่8809/2550 | |
บริษัท เอ็ฟฟิเชียน จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง คำสั่งระหว่างพิจารณาจะต้องโต้แย้งคำสั่งไว้จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ ข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาโดยชอบ ในศาลภาษีอากรกลาง ห้ามมิให้อุทธรณ์ | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 | |
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 | |
การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิสำหรับการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีโอนทรัพย์สินหรือให้บริการโดยมีค่าตอบแทนต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทนหรือค่าบริการ นั้นตามราคาตลาดในวันที่โอนหรือให้บริการ เมื่อข้อเท็จจรคำสั่งให้งดสืบพยานก่อนที่ศาลภาษีอากรกลางได้มี คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา หากคู่ความฝ่ายใดไม่เห็นด้วยและประสงค์จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นในภายหลังจะต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 เมื่อปรากฏว่าศาลภาษีอากรกลาง มีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 เวลา 13.30 นาฬิกา โจทก์และทนายโจทก์ทราบคำสั่งในวันดังกล่าวแล้วดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนที่ศาลภาษีอากรกลางจะอ่านคำพิพากษาย่อมมีเวลามากพอที่โจทก์จะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งนั้นได้ตามกฎหมาย แต่ก็หาได้โต้แย้งคัดค้านไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ กรณีการขายอสังหาริมทรัพย์ตามฟ้องโจทก์เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรหรือไม่ และมีเหตุอันควรงดหรือลดภาษีท้องถิ่นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ได้สละประเด็นข้อพิพาทอื่นทั้งหมดยกเว้นประเด็นที่ขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ จึงเป็นข้อที่ไม่มีการยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลภาษีอากรกลาง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย กรณีมีเหตุอันควรงดหรือลดเบี้ยปรับ และเงินเพิ่มแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไปพบเจ้าพนักงานโดยให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใดและเอกสารที่โจทก์ส่งมอบประกอบไปด้วยเอกสารใดบ้าง อีกทั้งการที่โจทก์สละประเด็น ข้อพิพาทอื่นทั้งหมดยกเว้นประเด็นที่ขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โดยโจทก์ยินยอมชำระค่าภาษีที่ขาดตามจำนวนที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไว้ อันถือว่าโจทก์มียอดรายรับที่แท้จริงจากการขายอสังหาริมทรัพย์ตามฟ้อง 16,156,320 บาท ซึ่งเป็นราคาประเมินอันเป็นฐานในการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ การที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจากยอดรายรับเพียง 8,850,000 บาท ส่อให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงภาษีมาแต่เดิม กรณีจึงไม่มีเหตุอันควรที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มให้แก่โจทก์. | |