คำพิพากษาฎีกาที่1623/2557 | |
บริษัท ภาวินี จำกัด | โจทก์ |
กรมสรรพากร | จำเลย |
เรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีภาษีซื้อต้องห้าม | |
กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลรัษฎากร มาตรา 82/5 (5) มาตรา 86 วรรคหนึ่ง มาตรา 86/13 | |
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 27 มาตรา 29 | |
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคท้าย มาตรา 225 วรรคหนึ่ง | |
โจทก์ดำเนินกิจการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ภายในกำหนดและแสดงภาษีขายขาดไป โจทก์อ้างว่าซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัท 3.ฯตามใบกำกับภาษี 6 ฉบับ สำหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2548 แต่โจทก์ไม่สามารถนำผู้ขายวัสดุก่อสร้างตามใบกำกับภาษีพิพาทหรือหลักฐานการจ่ายเงินค่าวัสดุก่อสร้างตามใบกำกับภาษีพิพาทให้แก่บริษัทดังกล่าวมาสนับสนุนให้เห็นว่า มีการซื้อวัสดุก่อสร้างตามใบกำกับภาษีจริง เมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยออกตรวจสภาพกิจการที่สถานประกอบการของบริษัทดังกล่าว เมื่อเจ้าพนักงานประเมินออกหนังสือเชิญพบกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ก็ไม่สามารถติดต่อได้ อีกทั้งบริษัทดังกล่าว ก็ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2548 และไม่ได้ยื่นนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งโจทก์มิได้ถามค้านหรือนำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างยิ่ง พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่มีเพียงผู้รับมอบอำนาจมาเบิกความลอยๆเพียงปากเดียว ประกอบกับข้อเท็จจริงได้ความจากพยานบุคคลของจำเลยก็ปรากฏว่า สถานประกอบการของบริษัทดังกล่าว เป็นร้านเสริมสวยสุนัขตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2547 ก่อนที่โจทก์จะซื้อขายวัสดุก่อสร้างจากบริษัทดังกล่าว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีน้ำหนักน้อยกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์ซื้อวัสดุก่อสร้างจากบริษัทดังกล่าว ตามใบกำกับภาษี 6 ฉบับ บริษัทดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิที่จะออกใบกำกับภาษีให้แก่โจทก์ตามมาตรา 86 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์จึงไม่มีสิทธินำใบกำกับภาษีดังกล่าว มาหักในการคำนวณภาษีตามมาตรา 82/5 (5) สำหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2548 ส่วนเงินจำนวน 2,884,615.39 บาท ที่โจทก์อ้างว่าเป็นเงินกู้ยืมที่ได้รับจากบริษัท ฤ.นั้น โจทก์ไม่มีสัญญากู้ยืมเงินมาแสดงและต้นเงินที่โจทก์กู้หากเป็นจริงก็ไม่น่าจะกู้ยืมกันโดยมีจำนวนเศษสตางค์ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่อาจรับฟังได้ว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น กรณีเงินเพิ่มศาลภาษีอากรกลางมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และโจทก์ก็ไม่ได้คัดค้านว่าประเด็นข้อพิพาทที่ศาลภาษีอากรกลางกำหนดไว้นั้น ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กรณีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทในส่วนของกรณีพิจารณาขอให้งดหรือลดเงินเพิ่ม แม้ศาลภาษีอากรกลางจะมีวินิจฉัยให้ก็เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยมิชอบในศาลภาษีอากรกลาง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย กรณีเบี้ยปรับ อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่รับวินิจฉัย |